What are the current techniques for hair ?

เนื่องจาก “การผ่าตัดปลูกผม” ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อที่จะแก้จุดด้อยของเทคนิคในอดีต

เทคนิคการผ่าตัดปลูกผมแบ่งเป็น 2 เทคนิคหลัก คือ

1.     FUT (Follicular unit transplantation) การผ่าตัดปลูกแบบกรีด

2.     FUE (Follicular unit excision) การผ่าตัดปลูกแบบเจาะ – โดยการผ่าตัดปลูกผมด้วยเทคนิคแบบเจาะนั้นได้แตกแขนงออกเป็นเทคนิคย่อยอีก 3 เทคนิค คือ

a.     Shaven FUE (การผ่าตัดปลูกผมแบบเจาะ โดยโกนเส้นผมที่บริเวณบริจาค)

b.     Non-shaven FUE (การผ่าตัดปลูกผมแบบเจาะ โดยไม่โกนเส้นผมที่บริเวณบริจาค)ผ่าตัดปลูกผม

c.     Long-hair FUE (การผ่าตัดปลูกผมแบบเจาะ โดยปลูกผมยาว)

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับการผ่าตัดปลูกผมแบบไหน?

            ปัจจัยหลักในการเลือกเทคนิคการผ่าตัดปลูกผมที่เหมาะสม คือ ความหนาแน่นของเส้นผมที่ตำแหน่งบริจาค (หรือบริเวณท้ายทอย) ถึงแม้ว่าเทคนิค FUE จะได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากการพักฟื้นสั้นกว่าและเจ็บน้อยกว่าเทคนิค FUT อย่างไรก็ตาม คนที่มีเส้นผมที่บริเวณบริจาคค่อนข้างบาง อาจไม่เหมาะสมกับเทคนิค FUE เพราะจะยิ่งทำให้ผมด้านหลังดูบางและดูผิดไปจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นหากในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าเทคนิคไหนเหมาะกับเรา สิ่งที่ควรทำ คือ ทำการนัดหมายเพื่อปรึกษากับแพทย์โดยตรง

การผ่าตัดปลูกผมแบบโกน กับ แบบไม่โกน ประสิทธิภาพต่างกันหรือไม่?

            ตามที่เขียนไว้ข้างต้น การผ่าตัดปลูกผม FUE แบบโกนและแบบไม่โกนนั้น จริงๆ เป็นการพูดถึงการโกนผมที่ตำแหน่งบริจาค (ท้ายทอย) สำหรับรายที่ใช้กราฟท์ไม่เกิน 2,000 กราฟท์นั้น อาจสามารถเลือกเทคนิคแบบโกนหรือไม่โกนก็ได้ แต่วิธีแบบไม่โกนนั้น แพทย์ต้องมีทักษะและประสบการณ์ในการทำการผ่าตัด รวมถึงใช้เวลานานกว่า ส่งผลให้ราคาแพงกว่าแบบโกน ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้กราฟท์มากกว่า 2,500 กราฟท์ขึ้นไป แพทย์จำเป็นที่จะต้องโกนผมจากตำแหน่งบริจาคเพื่อป้องกันการกระจุกตัวของแผลเป็น ซึ่งส่งผลให้หลังผ่าตัดนั้น ความหนาแน่นบริเวณหนังศีรษะด้านหลังจะดูไม่เป็นธรรมชาติและบางเป็นหย่อมๆ ในทางประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้ต่างกันมาก 

การปลูกผมยาวเป็นเทคนิคที่ดีที่สุด จริงหรือไม่?

            ในความเป็นจริงแล้ว การผ่าตัดปลูกผมแบบผมยาวนั้นอาจไม่ใช่เทคนิคที่ดีที่สุดเสมอไป การที่จะเลือกว่าเทคนิคใดดีที่สุดสำหรับแต่ละคนนั้น ขึ้นกับหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการไว้ทรงผมหลังผ่าตัด หรือความหนาแน่นของเส้นผมบริเวณบริจาค ข้อดีของการปลูกผมยาวนั้น อาจทำให้ผู้รับบริการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นโดยสามารถปกปิดแผลบริเวณท้ายทอยได้ โดยไม่มีใครทราบว่าผู้รับบริการท่านนั้นไปรับการปลูกผมมา อย่างไรก็ดี การดูแลหลังผ่าตัดสำหรับผู้ที่ปลูกผมยาวอาจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าการปลูกผมแบบอื่น และสุดท้ายแล้ว ผมที่ปลูกก็จะต้องร่วงไปก่อนอยู่ดีเมื่อถึงเวลาประมาณ 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด

ก่อนเข้ามาปรึกษาผ่าตัดปลูกผม ควรเตรียมตัวอย่างไร

  • ไม่โรยผง hair fiber หากโรยผง hair fiber มา คลินิกอาจจำเป็นต้องล้างออก เพื่อประเมินจำนวนกราฟท์ได้ถูกต้องมากที่สุด
  • ไม่ฉีดสเปรย์จัดทรงหรือเจลแต่งผมมาก่อนเข้ารับการปรึกษา หากใส่มาคลินิกอาจจำเป็นต้องล้างออก
  • ไว้ผมยาวที่สุดเท่าที่จะไว้ได้ สำหรับผู้เข้ารับบริการผู้ชายที่มีบริเวณที่ผมบางเป็นบริเวณกว้าง แนะนำว่าอย่าเพิ่งโกนหนวดเคราเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน

ขั้นตอนการเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมที่บีเอชไอคลินิก

  • ส่งข้อความมาทางเว็บไซต์ อีเมล์ เฟซบุ๊คหรือ line @bhiclinic เพื่อทำการนัดหมายปรึกษากับแพทย์ได้ที่สาขาลาดพร้าว ซอย 111 และสาขาศาลายา (พุทธมณฑลสาย 4)
  • วันที่มารับการปรึกษา แพทย์จะทำการอธิบายขั้นตอนการผ่าตัด แนะนำเทคนิคการผ่าตัดปลูกผมที่เหมาะสม ประเมินจำนวนกราฟท์ แจ้งค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
  • ทำการนัดวันผ่าตัด
  • หลังการผ่าตัด แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการมาสระผมและฉายแสงที่คลินิกเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน หลังจากนั้นสามารถสระผมเองได้ 
  • มาตามนัดหลังผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ

หากท่านใดสนใจเข้ารับบริการปรึกษาหรือสนใจการผ่าตัดปลูกผมที่บีเอชไอคลินิก สามารถติดต่อผ่านเว็บไซต์ หรือโทร 082-219-9695 หรือ LINE @bhiclinic