การปลูกผม FUE หรือการปลูกผมแบบเจาะ เป็นเทคนิคการผ่าตัดปลูกผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากแผลเป็นมีขนาดเล็กและไม่ต้องพักฟื้นนานเมื่อเทียบกับเทคนิคเก่า
Download Our Brochure
Download
การปลูกผม FUE หรือการปลูกผมแบบเจาะ เป็นเทคนิคการผ่าตัดปลูกผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากแผลเป็นมีขนาดเล็กและไม่ต้องพักฟื้นนานเมื่อเทียบกับเทคนิคเก่า
การปลูกผมแบบ FUE (Follicular unit extraction) หมายถึง การย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยไปในบริเวณที่ต้องการ เช่น แนวผมที่ร่นหายไป ศีรษะล้านบริเวณด้านบน ฯลฯ โดย Follicular unit (FU) หมายถึง กอรากผมที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกในหนึ่งรูขุมขน
สำหรับ Shaven FUE เริ่มต้นที่ราคา 69 บาทต่อกราฟท์
(ท่านสามารถติดต่อกับทีมงานของบีเอชไอคลินิกโดยตรงเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม)
การปลูกผม FUE มีข้อดีต่อไปนี้ ได้แก่
แผลเป็นจาก FUE มีขนาดเป็นจุดเท่ารูขุมขน ดังนั้นจึงสามารถปกปิดได้ง่ายกว่าเทคนิค FUT โดยการไว้ผมประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรก็เพียงพอต่อการปกปิดรอยแผลเป็น
แผลจาก FUE มักจะใช้เวลา 5-7 วัน แผลก็เกือบจะปิดสนิทแล้ว อาจจะมีอาการเจ็บที่หนังศีรษะด้านหลังได้ในช่วง 1-3 วันแรก แต่ส่วนใหญ่แล้วคนไข้ก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ อีกทั้งการบาดเจ็บต่อหนังศีรษะข้างเคียงนั้นไม่มาก
ศัลยแพทย์สามารถเลือกเจาะรากผมที่ดูแข็งแรง คุณภาพดีที่สุดมาใช้ปลูกผมได้และยังสามารถเจาะเอาผมหรือขนจากร่างกายส่วนอื่นมาใช้ได้เพื่อเสริมความหนาแน่นของผมที่ปลูก เช่น ย้ายจากหนวดหรือเครามาที่หนังศีรษะ
Q: ระยะเวลาการพักฟื้นหลังการปลูกผมแบบ FUE คือเท่าไร?
A: การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว! โดยปกติอาการปวดจะหายไปภายในไม่กี่วัน และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมาทำกิจกรรมตามปกติได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
Q: มีความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับเทคนิค FUE หรือไม่?
A: แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การติดเชื้อซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก
Q: หลังปลูกผมแบบ FUE จะเห็นผลได้เร็วแค่ไหน?
A: สามารถเห็นผลเบื้องต้นได้ภายใน 4-6 เดือนหลังการผ่าตัด และเห็นผลเต็มที่ใน 10-12 เดือน
Q: ปลูกผมแบบ FUE เหมาะกับผู้หญิงผมที่มีปัญหาผมร่วงหรือไม่?
A: FUE เป็นทางเลือกสำหรับทั้งชายและหญิงที่ประสบปัญหาผมร่วง โดยมีความหนาแน่นของผู้บริจาคที่ดี โดยที่จะต้องไม่มีข้อห้ามในการปลูกผม เช่น โรคผมร่วงที่เกิดจากภูมิต่อต้านตัวเองและทิ้งรอยแผลเป็น
“ดีใจมากครับ ชีวิตผมเปลี่ยนไป” นี่คือสิ่งที่ผมพูดกับตัวเอง หลังจากประสบการณ์ที่ดีงามของผมผ่านพ้นไป ได้ประมาณ 1 ปี
สวัสดีครับผมชื่อ เมธา ครับก่อนหน้านี้ที่ผมจะได้เข้ามารู้จัก กับคุณหมอปุ้ม กุลกานต์ ที่ BHI Clinic ผมเป็นคนหนึ่งครับ ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดา แต่ไม่เคยมั่นใจในตัวเองเลย ไปไหนมาไหนต้องใส่หมวกตลอดเวลาครับ มันเริ่มต้นมานตั้งแต่ตอนผมยังเด็กๆ ครับ
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม ศีรษะของผม มันเริ่มจาก ผมเริ่มหลุด และร่วงไปเรื่อยๆ ทุกๆวั น เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แค่แปลกใจว่าทำไมเวลาอาบน้ำ สระผมแล้วผมมันร่วงเยอะจัง และก็ใช้ชีวิตแบบนั้นมาเรื่อยๆ ไม่ได้ไปหาหมอ พบหมอ หรือใช้ยาอะไรทั้งนั้น จนต่อมาผมเริ่มบางขึ้นเรื่อยๆ บางจนแทบจะเห็นหนังหัว เริ่มมีคนทัก และสิ่งที่ทำให้ขาดความมั่นใจ จึงเริ่มมีความคิดแหละ ว่าเราควรต้องดูแล ถ้าเรายังอยากดูดีอยู่ เริ่มหายามาทา มากินครับ ในช่วงแรกแต่ว่า ก็กลัว และขี้เกียจ ที่จะใช้มัน ก็ใช้ๆ หยุดๆ พูดง่ายๆ ก็ผมเองแหละครับไม่ได้ดูแล ใส่ใจเท่าที่ควรสักเท่าไร จนสุดท้าย ไม่เหลือเส้นผมที่จะให้ดูแลเลยครับ หัวล้านไปเลย ไปไหนมาไหนต้องใส่หมวกตลอด ไม่กล้าที่จะถ่ายรูป ไม่กล้าที่จะออกไปสังคม ไปเจอใคร จนมีเพื่อนคนหนึ่ง ผมต้องขอขอบคุรเพื่อนคนนั้นมากครับ ที่เค้าแนะนำให้มารู้จักกับคุณหมอปุ้ม กุลกานต์ ที่ BHI CLINIC เป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านเส้นผม (American Board of Hair Restoration Surgery) ผมจึงได้เข้ามาพูดคุยกับคุณหมอ และคุณหมอก็ให้ความรู้ผมดีมาก ตอบทุกคำถามไขข้อข้องใจให้ตัวผม หาแนวทางร่วมรักษาเส้นผม หาวิธีที่จะดูแล และใส่ใจผม ด้วยผลสุดท้ายวิธีที่เราเลือกกันแล้วมันตอบโจทย์ผมมากที่สุด คือ การปลูกผม
ซึ่งเคสของผมก็พิเศษกว่าใครๆ เนื่องจากศีรษะผมล้านค่อนข้างเยอะ พื้นที่กว้างและมีเวลาไม่เยอะ ต้องการผลที่รวดเร็ว คุณหมอบอกว่าผมต้องทำแบบ คอมโบคือการใช้ 2 วิธีร่วมกัน คือการทำแบบเทคนิค FUT และ เทคนิค FUE ผมกลัวมากครับ กลัวเจ็บกลัวการผ่าตัด แต่พอขึ้นเตียงจริงๆ แล้วขอบอกเลยครับ ว่าผมไม่เจ็บเลย หลับตลอดการทำปลูกผม รวมๆ แล้วผมใช้กราฟในการปลูกผมไปที่ 6,300 กราฟ ซึ่งไม่น้อยเลยครับ หลังจากผมทำการรักษาผมใช้เวลาพักฟื้นอยู่ประมาณ 5 วันก็ออกไปใช้ชีวิตปกติครับ แต่จุดที่มันยากลำบาก มันไม่ได้อยู่ที่ข้างต้นที่ผ่านมาครับ มันอยู่หลังจากนี้มากกว่าเพราะเวลาผ่านไปได้ เดือนกว่าผมที่ปลูกร่วงไปแทบหมดครับ ผมตกใจมาก กลัวมากว่าจะไม่ขึ้น กลัวมากที่จะเจ็บตัวฟรี แต่คุณหมอและทีมงานให้ความรู้และกำลังใจผมมาตลอดให้ผมอดทนรอหน่อย ซึ่งผมก็รอเวลามาเรื่อยๆ ครับเกือบ 10 เดือนกว่าๆ จนผมที่ปลูกไปขึ้นมาแน่น หนา กลับมามีผมที่หนาแน่นอีกครั้ง
ผมต้องขอบคุณมากๆ ครับ ที่ใส่ใจดูแล ให้ผมกลับมามั่นใจ กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ กล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะออกไปสังคม และผมกล้าที่จะถ่ายรูป จึงอยากเขียนมาขอบคุณคุณหมอปุ้ม กุลกานต์ อมรพัฒนา BHI CLINIC ขอบคุณมากๆ จริงๆ ครับ ที่เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนวิธีคิด และเปลี่ยนคนๆ หนึ่ง