อาการผมคัน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและสร้างความรำคาญให้กับใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นอาการคันเพียงเล็กน้อย หรือคันจนทนไม่ไหว สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของเราได้ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมคัน วิธีการดูแลรักษาด้วยตัวเอง และสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณควรไปปรึกษาแพทย์
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการผมคัน
อาการผมคันสามารถเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ทั้งจากสภาพหนังศีรษะ ปัญหาทางสุขภาพ หรือแม้แต่พฤติกรรมการดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะสม มาดูกันว่าสาเหตุหลักๆ ของอาการผมคันมีอะไรบ้าง:
- หนังศีรษะแห้ง: สภาพอากาศที่แห้ง การสระผมบ่อยเกินไป หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้หนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดอาการผมคันพร้อมกับมีขุยเล็กๆ คล้ายรังแค
- รังแค: รังแคเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการผมคันเกิดจากการผลัดเซลล์ผิวหนังบนหนังศีรษะเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นขุยสีขาวหรือสีเหลือง และอาจมีอาการผมคันร่วมด้วย
- การแพ้หรือระคายเคือง: การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมใหม่ๆ ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรง หรือการแพ้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม อาจทำให้หนังศีรษะเกิดการระคายเคืองและ ผมคัน
- เชื้อราบนหนังศีรษะ: เชื้อราบนหนังศีรษะสามารถทำให้เกิดอาการผมคันอย่างรุนแรง ร่วมกับหนังศีรษะอักเสบเป็นวงและมีสะเก็ด
- เหา: เหาเป็นปรสิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนหนังศีรษะและดูดเลือด ทำให้เกิดอาการผมคันอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอยและหลังใบหู
- โรคผิวหนัง: โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) สามารถเกิดขึ้นบนหนังศีรษะและทำให้เกิดอาการผมคันและมีผื่นแดง
- การดึงหรือถอนผมแรงๆ: การดึงผม ถอนผม หรือมัดผมที่ตึงมากเกินไป อาจทำให้รากผมอักเสบและเกิดอาการผมคันได้
- ความเครียด: ความเครียดอาจส่งผลต่อสมดุลของร่างกายและทำให้เกิดอาการผมคันในบางคน
- ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลให้เกิดอาการผมคันได้เช่นกัน
วิธีดูแลและบรรเทาอาการผมคันด้วยตัวเอง
หากคุณกำลังประสบปัญหาผมคันลองปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง:
- สระผมอย่างถูกวิธี: เลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีที่ระคายเคือง สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินไป (สัปดาห์ละ 3-4 ครั้งกำลังดี) เพราะอาจทำให้หนังศีรษะแห้ง
- หลีกเลี่ยงการเกา: การเกาหนังศีรษะเมื่อผมคันจะยิ่งทำให้หนังศีรษะระคายเคืองและอาจเกิดแผล ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- บำรุงหนังศีรษะ: ใช้ครีมนวดผมหรือทรีทเม้นท์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะและเส้นผม
- ลองเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม: หากสงสัยว่าอาการผมคันเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ ให้ลองเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย
- ใช้ผลิตภัณฑ์รักษารังแค: หากอาการผมคันเกิดจากรังแค ให้ลองใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของยาที่ช่วยรักษารังแค เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) หรือซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide)
- หลีกเลี่ยงความร้อน: ลดการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การไดร์ผมด้วยความร้อนสูง หรือการใช้เครื่องหนีบผมและเครื่องม้วนผม
- รักษาสุขอนามัย: หมั่นทำความสะอาดหวี แปรง และปลอกหมอนอย่างสม่ำเสมอ
- จัดการความเครียด: หาทางผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือการพักผ่อนให้เพียงพอ
- ปรึกษาเภสัชกร: หากอาการผมคันไม่ดีขึ้น ลองปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
แม้ว่าอาการผมคันส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรงและสามารถดูแลรักษาด้วยตัวเองได้ แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม:
- อาการผมคันรุนแรงและไม่ดีขึ้นหลังจากลองดูแลด้วยตัวเองแล้ว
- มีผื่นแดง หนังศีรษะลอกเป็นสะเก็ดหนา หรือมีน้ำเหลืองไหล
- มีอาการผมคันร่วมกับผมร่วงผิดปกติ
- สงสัยว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เหา หรือเชื้อรา
- มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับผิวหนัง
แพทย์อาจทำการตรวจร่างกาย ตรวจหนังศีรษะ หรืออาจมีการขูดผิวหนังเพื่อนำไปตรวจเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการผมคันและให้การรักษาที่ตรงจุด
อาการผมคันเป็นปัญหาที่สร้างความกวนใจ แต่ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุที่ไม่ร้ายแรง การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกวิธี การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง สามารถช่วยบรรเทาอาการผมคันได้ อย่างไรก็ตาม หากอาการผมคันไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณกลับมามีหนังศีรษะที่สุขภาพดีและปราศจากอาการผมคันอีกครั้ง