การปลูกผมคืออะไร และมีกี่ประเภท

การปลูกผม เป็นกระบวนการเครื่องมือการแพทย์ที่ใช้เทคนิคการย้ายรากผมจากบริเวณหนึ่งของศีรษะไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาผมร่วงหรือผมบางในผู้ชายและผู้หญิง

ประเภทของการปลูกผมมีดังนี้

  1. การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction)
    เป็นวิธีการปลูกผมที่ใช้การเอาเฉพาะรากผมจากส่วนหน้าของหัวเพื่อปลูกผมใหม่ในส่วนที่เป็นลุกลามหรือร่วง วิธีการนี้มีข้อดีคือผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัดหรือเจาะเข่า เวลาฟื้นตัวก็จะเร็วขึ้น และไม่มีรอยเลือดออก นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังสามารถเลือกจำนวนผมที่ต้องการปลูกได้อย่างแม่นยำ
  2. การปลูกผมด้วยเทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation)
    เป็นวิธีการปลูกผมที่ใช้การเอาเฉพาะส่วนหนึ่งของหนังศีรษะ และตัดเป็นก้อนเล็กๆ เพื่อนำมาปลูกในส่วนที่ต้องการ เวลาฟื้นตัวจะช้ากว่า FUE แต่จะให้ผลลัพธ์ที่คงทนและคุณภาพดีกว่า วิธีการนี้มักจะใช้สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการปลูกผมในพื้นที่กว้างๆ
  3. การปลูกผมด้วยการใช้เทคโนโลยีและวิธีการอื่นๆ
    PRP (Platelet Rich Plasma), LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นวิธีการที่ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกผม อาจไม่ได้เป็นวิธีการปลูกผมโดยตรง แต่จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของรากผมและเพิ่มประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของผม เทคนิค PRP เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยมาแยกเอาเซลล์เลือดแดงและแยกเอาแผ่นด้านบนที่มีแพลตเล็ตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า PRP มาใช้เป็นการเสริมสร้างรากผม ส่วน LLLT คือการใช้แสงเลเซอร์ที่มีความถี่ต่ำเพื่อกระตุ้นเซลล์ผมให้เจริญเติบโตแข็งแรงขึ้น

สำหรับประเภทของผู้ที่เหมาะสมในการปลูกผม จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ ระดับของปัญหาผมที่มี เช่น ระดับการผมร่วง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ส่วนมากแล้วผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและอายุเกิน 30 ปีขึ้นไปจะเหมาะสมกับการทำการปลูกผม แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงระดับเล็กน้อยและอายุต่ำกว่า 30 ปีอาจจะไม่จำเป็นต้องทำการปลูกผมทันที แต่อาจจะใช้เทคนิคการเสริมสร้างรากผมเพื่อช่วยป้องกันการผมร่วงเพิ่มเติม

นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ประวัติการป่วย และยาที่กินอยู่ เนื้อหาประเมินความเหมาะสมของการปลูกผมในแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม การเลือกที่จะปลูกผมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสิ่งที่สำคัญกับแต่ละบุคคลเอง ดังนั้นควรพิจารณาอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจทำการปลูกผม โดยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผมก่อนเพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนที่จะดำเนินการต่อไป

การปลูกผมที่ได้รับความนิยมในไทย

ในปัจจุบันนี้ วิธีการปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย โดยเป็นการปลูกผมโดยใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเอาเส้นผมแต่ละเส้นออกมาจากหนังศีรษะ จากนั้นนำเส้นผมที่ถูกเอาออกมาไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ วิธีนี้ไม่ต้องตัดแถบผิวหนังออกเหมือนกับ FUT และไม่เกิดแผลและรอยเปิดผิวหนัง ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง และมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าวิธีอื่นๆในการปลูกผมด้วยกันในประเทศไทย นอกจากนั้น FUE ยังไม่ต้องการเวลาหายตัวและฟื้นตัวนานเท่ากับวิธี FUT ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผมแต่ไม่ต้องการให้ผลกระทบต่อการทำงานหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันของตนเอง

วิธีการปลูกผมแบบ FUE ได้รับความนิยมอย่างมาก

เนื่องจากมีข้อดีต่อผู้ประสบปัญหาผมร่วง ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้อาจมาจากพันธุกรรม หรือสาเหตุจากการผ่าตัด การรักษาโรค การรักษาความเครียด หรือการใช้สารเคมีที่ไม่เหมาะสมกับเส้นผม เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่ต้องการปลูกผมแบบ FUE จะได้รับประโยชน์ดังนี้

  1. ผลการปลูกผมด้วยวิธี FUE มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง โดยมีอัตราความสำเร็จสูงมากกว่า 95%
  2. ไม่ต้องทำการตัดแถบผิวหนังและเปิดผิวหนัง ทำให้ไม่มีรอยแผลหรือรอยเปิดผิวหนังที่จะทำให้เกิดแผลอักเสบหรือหยุดการทำงานของผู้ประสบปัญหาผมร่วง
  3. ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหายตัวและฟื้นตัวนาน ผู้ประสบปัญหาผมร่วงสามารถกลับไปทำงานหรือกิจกรรมประจำวันได้ทันที
  4. ผลการปลูกผมด้วยวิธี FUE มีความธรรมชาติและเหมือนกับเส้นผมธรรมชาติ ทำให้ผมที่ปลูกมาอาจเลียนแบบเส้นผมธรรมชาติได้
  5. การปลูกผมด้วยวิธี FUE มีประสิทธิภาพสูงและมีคุณภาพที่ดี เนื่องจากวิธีการนี้ใช้เครื่องมืออันทรงพลังที่มีความละเอียดสูงในการแยกประเภทของหน่วยผมที่จะถูกนำมาปลูก และมีการเลือกเก็บเฉพาะหน่วยผมที่มีคุณภาพดีเพื่อนำไปปลูกในบริเวณที่ผมร่วง ทำให้ผมที่ปลูกมีความหนาแน่น และเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
  6. ผู้ประสบปัญหาผมร่วงสามารถปรับแต่งรูปแบบการปลูกผมได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผมบริเวณหน้าผาก หรือแก้ม หรือปลูกผมบริเวณจมูก และอื่นๆ ตามต้องการ
  7. ไม่มีการตัดเล็บนิ้วเท้าและนิ้วมือ เพื่อเอาเนื้อผิวหนังไปใช้ทำการปลูกผม เนื่องจากวิธีการปลูกผมแบบ FUE ใช้เครื่องมืออันทรงพลังที่มีความละเอียดสูง ทำให้การดูแลและรักษาหลังปลูกผมง่ายและไม่ซับซ้อน
  8. มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการแพร่กระจายโรคติดเชื้อ
  9. การปลูกผมแบบ FUE เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานสุขภาพดีและไม่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการปลูกผม เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคซึมเศร้า ทำให้ผู้ประสบปัญหาผมร่วงสามารถทำการปลูกผมได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้น การปลูกผมแบบ FUE มีความนิยมมากในไทยเนื่องจากเป็นวิธีการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพสูงและมีคุณภาพที่ดี นอกจากนี้ ยังไม่มีผลข้างเคียงที่สำคัญที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ประสบปัญหาผมร่วงด้วย